เมนูสุดแปลกจากดินแดนขั้วโลกเหนือที่ต้องกินกันแบบสดๆ ชนิดที่ว่านักกินสายนิยมของสด จำพวกปลาดิบ กุ้งสด หมึกสด อาจจะขอยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มการปรุงอาหารเมนูนี้กันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเมนูที่ค่อนข้างทารุณกรรมสัตว์มากพอสมควร แค่บังเอิญคนในพื้นที่เขามองว่ามันสุดแสนจะธรรมดากับการกินอะไรแบบนี้เท่านั้นเอง และเมนูที่กำลังพูดถึงก็คือ “หัวใจนกพัฟฟินสด” จะสดแค่ไหนและจะโหดแค่ไหนเราไปดูกันเลย
เพื่อความเยาว์วัยต้องได้หัวใจสดๆ
เรามักจะมีความเชื่อว่าอาหารบางอย่างจะช่วยให้เราดูอ่อนกว่าวัยลงได้ แถมเห็นผลรวดเร็วทันใจยิ่งกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์หรือครีมบำรุงราคาแพงเสียอีก ถ้าสังเกตให้ดีเมนูแห่งความเยาว์วัยทั้งหลายก็จะมาพร้อมความแปลกและความสลดหดหู่ไปพร้อมกัน อย่างเมนูหัวใจนกพัฟฟินสดนี้ ว่ากันว่าใครได้กินเข้าไปแล้วจะย้อนวัยไปหลายปี ภายในร่างกายจะมีพลังงานมากขึ้น รู้สึกสดใสกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณก็เหมือนสมัยวัยเยาว์ มีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งน่าสัมผัส ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ทำให้บรรดานกพัฟฟินพากันตกที่นั่งลำบากจากการถูกตามล่า จนปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลงค่อนข้างมาก ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ ที่อยู่อาศัยของนกพัฟฟินเป็นพื้นที่ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงกันได้ง่ายๆ ก็เลยเหมือนมีเกราะคุ้มกันตามธรรมชาติอยู่บ้าง
สำหรับคนที่ชื่นชอบการลิ้มรสของสดอยู่แล้วก็จะรู้ว่าคุณค่าที่ได้มา ทั้งสรรพคุณและรสสัมผัสมันสอดคล้องกับระดับความสด ยิ่งสดเท่าไรก็ยิ่งดี แล้วเมนูหัวใจนกพัฟฟินสดที่กินเพื่อหวังผลเรื่องความเยาว์นี้จะต้องมีความสดสักแค่ไหนกัน มันสดขนาดที่เรียกว่ายังไม่ตายดีเลยก็ได้ เพราะกระบวนการจะเริ่มจากจับนกพัฟฟินมาเป็นๆ หักคอถลกหนังอย่างรวดเร็ว แล้วควักหัวใจออกมากินกันเลยทันที เวลาที่เอาหัวใจออกมาอาจจะยังรู้สึกได้ว่าเซลล์ยังทำงานอยู่เลยด้วยซ้ำไป ไม่ต้องมีเครื่องเทศ ไม่ต้องอาศัยเครื่องปรุงใดๆ ส่วนรสชาติจะเป็นอย่างไรนั้น ใครสนใจคงต้องหาโอกาสไปลองกันดูเอง
เมื่อกินหัวใจเรียบร้อยแล้ว เนื้อส่วนที่เหลือก็สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย แล้วแต่สไตล์ที่ชื่นชอบ จะย่าง รมควัน หรือผัดทอดก็ได้ทั้งนั้น เนื้อสัมผัสคล้ายคลึงกับเนื้อไก่ ซึ่งไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าสนใจมากนัก คนจึงนิยมกินหัวใจมากกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ
เมนูสุดแปลกที่ถูกจำกัดวงให้แคบลงเรื่อยๆ
เนื่องด้วยนกพัฟฟินเป็นนกสายพันธุ์ผสมระหว่างนกเพนกวินและนกทูแคน ลำตัวมีขนาดเล็กและชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง เวลาที่คนออกล่านกมาทำเมนูหัวใจนกพัฟฟินสด จึงต้องล่าให้ได้จำนวนมากในแต่ละครั้ง เพราะขั้นต่ำของการกินก็อยู่ที่หนึ่งคนต่อหนึ่งตัวอยู่แล้ว วิธีที่ทำกันมากในช่วงหลังๆ คือ “สกายฟิชชิ่ง” หรือการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ จับครั้งหนึ่งได้หลายสิบตัว ขณะที่วงจรชีวิตของนกพัฟฟินจะวางไข่เพียงแค่ครั้งละหนึ่งฟองเท่านั้น การขยายพันธุ์จึงไม่ทันกับการถูกไล่ล่า มีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ได้ง่ายๆ โชคดีที่ต่อมาเริ่มมีการตระหนักถึงความสำคัญของนกพัฟฟินกันมากขึ้น คนท้องถิ่นอย่างชาวไอร์แลนด์เองก็รณรงค์ให้มีการอนุรักษ์นกสายพันธุ์นี้กันอย่างกว้างขวาง ระบบนิเวศน์จึงค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์เทียบเท่ากับหลายสิบปีก่อน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก นักท่องเที่ยวเองก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับนกพัฟฟินในทางที่ดีขึ้น ไม่ได้เน้นไปที่การกินของแปลกกันอีกแล้ว แต่ให้ชื่นชมความงามของนกพัฟฟินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แทน