แม้จระเข้จะเป็นสัตว์ดุร้าย น่ากลัว อันตราย และทำร้ายมนุษย์เราเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากนิยมนำเอาจระเข้มาทำเป็นสิ่งต่างๆ ตามความชื่นชอบของตนเองไม่ว่าจะเป็นหนังจระเข้หรือแม้แต่เนื้อจระเข้ที่มีคนจำนวนไม่น้อยนิยมทานกัน แต่ด้วยความที่เนื้อจระเข้เป็นเนื้อมีกลิ่นสาบและไม่ใช่เนื้อเหมือนพวกไก่หรือหมูทั่วไปทำให้เมนูเนื้อจระเข้ยอดนิยมจึงมักเป็น ผัดเผ็ดจระเข้ มากที่สุด
เมนูผัดเผ็ดจระเข้ ความอร่อยกับรสชาติที่คนรักความเผ็ดต้องไม่พลาด
ต้องบอกเลยว่าใครที่เคยทานเนื้อจระเข้อาจทำให้รู้สึกติดใจหรือชื่นชอบไปเลยก็ได้เหมือนกันส่วนหนึ่งเพราะลักษณะของเนื้อจระเข้จะมีรสชาติอร่อย ออกหนึบนุ่มคล้ายกับเนื้อหมู เนื้อไก่ แต่จะรู้สึกได้ถึงความหนึบมากกว่า แอบมีกลิ่นสาบเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับย่ำแย่บางคนมองว่านี่คือเอกลักษณ์ของการเป็นเนื้อจระเข้ด้วยซ้ำ ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมนำมาผัดเผ็ดเป็นเมนูอย่าง ผัดเผ็ดจระเข้ ซึ่งเมื่อเจอกับรสชาติของเครื่องเคราแบบไทยๆ กับพริกจัดจ้านทำให้เมนูจานนี้เป็นอะไรที่โดนใจสุดๆ โดยเฉพาะสายปาร์ตี้ผู้นิยมการทานกับแกล้มเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากรสชาติอันแสนอร่อยของเนื้อจระเข้แล้วยังเป็นเนื้อที่ให้ประโยชน์หลายด้านไม่ว่าจะเป็นมีโปรตีนสูง มีไขมันต่ำ เหมาะกับคนที่ต้องบริโภคอาหารด้วยการจำกัดไขมันและคลอเรสเตอรอล แต่จะบอกว่าไม่มีไขมันเลยคงไม่ใช่เพราะในเนื้อจระเข้จะมีไขมันชนิดหนึ่งซึ่งเป็นไขมันดีต่อร่างกายมนุษย์เรียกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (HDL) มีคุณสมบัติสำคัญช่วยในเรื่องการลดคลอเรสเตอรอลในเลือดได้อย่างดี ด้านสรรพคุณอื่นๆ ของเนื้อจระเข้ก็มีการบันทึกเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้มากมายยาวนานกว่า 400 ปี เป็นตำราแผนโบราณของจีนชื่อ เปิ๋นฉ่าวกังมู่ นอกจากนี้เนื้อจระเข้ยังมีสรรพคุณช่วยในเรื่องการรักษาโรคหืดหอบเพราะมีสารอย่าง คลออิค แอสิด แก้อาการภูมิแพ้ ระบบทางเดินหายใจ หอบหืด เบาหวาน ความดัน และโรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย พูดง่ายๆ คือช่วยให้กลไกการทำงานของร่างกายคนเราสมดุลมากขึ้น
แม้ว่าการบริโภคเนื้อจระเข้ในบ้านเราอาจยังมีไม่มากด้วยปัจจัยหลายด้านแต่ก็ต้องยอมรับว่าใครที่เคยได้ทานเนื้อจระเข้นี้ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติดี เนื้อหนึบๆ นุ่มๆ ยิ่งพอนำมาผัดเผ็ดแล้วแทบไม่ได้ต่างกับเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ด้วยซ้ำ ทำนองว่าหากไม่บอกว่านี่คือเนื้อจระเข้ก็คงไม่รู้เลย จัดว่าเป็นอาหารอีกจานที่รสชาติดีจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือทานเป็นกับแกล้มก็อร่อยได้ในรูปแบบสไตล์ของตัวเอง